Fashion Show : another F.C.K. Grand Opening
Brand : another F.C.K.
Venue : Siam Center
Date / Time : 24 November 2009 ,18.30
another F.C.K. ปลุกกระแสแฟชั่นที่เต็มไปด้วยจินตนาการ
อะนาเธอร์ แฟชั่น คอมมิวนิตี้ คิทเทอร์ริก (อะนาเธอร์ เอฟ.ซี.เค. / another F.C.K. ) แบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ จากฮ่องกง ซึ่งนำเข้าโดย อรรถพล ตั้งคารวคุณ ทายาทแห่งอาณาจักรธุรกิจหมื่นล้านอย่างสีเดลต้าสีทาบ้านชั้นนำของ ประเทศไทย สวนกระแสเศรษฐกิจเปิดแฟล็กชิปสโตร์anotherF.C.K. แห่งแรกในไทย พร้อมเผยโฉม คอลเล็คชั่นล่าสุด ‘Fall/Winter2009’ สร้างแฟชั่นคอมมิวนิตี้ ปลุกกระแสแฟชั่นที่เต็มไปด้วยจินตนาการบนชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์เมื่อค่ำวานนี้ โดยมีเหล่าแฟชั่นนิสต้า เซเลบริตี้คนดัง และเหล่าดารามาร่วมเดินแฟชั่นโชว์อย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเซเลบริตี้รุ่นเยาว์ นำโดย อัญชิสา วัชรพล พิมพิศา จิราธิวัฒน์ พิมดาว พานิชสมัย พงศกร มหาเปารยะ และเหล่าดารา นางแบบ นายแบบ อาทิ น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ กันต์ กันตถาวร ภัครมัย โปตระนันทน์ ไมเคิล หว่อง โทนี่ รากแก่น และ เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆอย่างไม่ขาดสาย
Click here to Google Photo Gallery
another F.C.K. เป็นร้าน Multi Label ประกอบไปด้วยสินค้าหลากหลายแบรนด์ในเครือเดียวกัน โดยมีจุด กำเนิดเมื่อ 17 ปีที่แล้วในเกาะฮ่องกง เพื่อเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ต้องการหลีกหนีความเบื่อหน่ายของกระแสแฟชั่น ยุคปัจจุบัน พร้อมตอบโจทย์ด้านความต้องการที่หลากหลาย และมีเสน่ห์เฉพาะตัวบ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง ด้วยจินตนาการของผู้สวมใส่ดั่งแนวคิดที่ว่า “A Childlike’s Capacity to Wonder”
โดยงานเปิดตัวครั้งนี้เหล่าดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์ another F.C.K.ที่มีสาขากว่า 150 แห่ง ทั่วโลก ทั้ง 4 คน ได้แก่ แกรี่ ชิว ทอมมี่ ไช เดนนี่ วัง และ ดีน่า เซี๊ย ได้บินตรงจากฮ่องกง มาร่วมเปิดแชมเปญฉลอง และต้อนรับเหล่าแฟชั่นนิสต้าชาวไทยด้วยตัวเอง พร้อมขนกองทัพนักข่าว กว่า 10 ชีวิต จาก ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง เข้าร่วมงานด้วย สำหรับสาขาในประเทศไทยนั้นได้จัดให้มีเสื้อผ้า 4 แบรนด์ ประกอบไปด้วย Kitterick, indu homme, a.y.k และ K2
Kitterick แบรนด์ที่สามารถจะเซอร์ไพรส์คุณได้ตลอดเวลา เป็นเสื้อผ้าสำหรับทั้งชายและหญิงที่มีความแตกต่าง และโดดเด่นในตัว ใช้ลูกเล่นการตัดเย็บ การวางแบบผ้าและลูกเล่นที่มีรายละเอียดเฉพาะตัว ที่สามารถบ่งบอกความ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลของผู้สวมใส่ได้ โดยคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2009 ภายใต้แนวคิด “Glam kitterick” ได้รับ แรงบันดาลใจมาจากเทรนด์ ของแฟชั่นยุค 80’s และแฟชั่นไอคอนแห่งยุคอย่าง บอย จอร์จ (Boy George)และ เลห์ โบเวอร์รี่ (Leigh Bowery) จึงเกิดเป็นคอลเลคชั่นที่ให้ทั้งความหรูหรา พร้อมทั้งยังคงความสนุกสนานในการ หยิบยืมเอาเสื้อผ้าของเพศตรงข้ามเข้ามาผสมผสานกับรูปแบบการแต่งกายของตนเอง สร้างให้เกิดแรงดึงดูดทาง สายตาด้วยลายพิมพ์ที่ฉูดฉาด การตัดกันของสีสัน และการผสมผสานที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันแต่ก่อให้เกิดความลงตัว ที่สวยงามนำไปสู่การแสดงออกทางความคิดของผู้สวมใส่ต่อผู้คนรอบข้าง
indu homme แบรนด์สำหรับผู้ชายมีสไตล์และทันสมัย บนการตัดเย็บที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ทำให้สวมใส่สบาย สร้างให้เกิดลุคที่ดูสะอาดตา บนโครงสร้างที่ถูกออกแบบมาให้เห็นโครงร่างของผู้สวมใส่ อย่างชัดเจน เน้นให้เห็นสไตล์ของคนเมืองที่ทันสมัย เพราะ indu homme คือการนำเอาเรื่องของ แฟชั่น เทรนด์ และสไตล์เข้ามาใส่ในชุดทำงาน และ ชุดลำลองแบบดั้งเดิม เพื่อสะท้อนให้เห็นตัวตนที่ทันสมัยของผู้สวมใส่
สำหรับการออกแบบในซีซั่นล่าสุดนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แนวคิด โดยแนวคิดแรก คือ “Gentleman Reformation” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากคาแร็กเตอร์ของกลุ่มชนชั้นสูงที่มีความคิด นอกกรอบที่ต้องการฉีกตัวเองออกจากขนบ ธรรมเนียมที่น่าเบื่อหน่าย เสื้อผ้าของฤดูกาลนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความแปลกในการจัดวาง ความไม่สมมาตรของ เสื้อผ้าทั้งในด้านความยาวและเลเยอร์ทำให้เกิดลุคที่หลากหลาย แสดงให้เห็นสไตล์ที่มาจากสัญชาตญาณของผู้สวมใส่ แนวคิดที่ 2 คือ “Volume VS Skinny” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าแนวสตรีตแวร์ที่กำลังได้รับความนิยม ในโลกแห่งแฟชั่น ด้วยการผสมผสานระหว่างเสื้อตัวโคร่งกับกางเกงสกินนี่ตัวเล็กและการผสมกันระหว่างสีสัน ที่ฉูดฉาดบาดตากับสีเข้มๆอย่างสีดำเป็นต้น สร้างให้เกิดความคอนทราสต์อย่างสุดขั้วแต่ลงตัวและน่ามอง
a.y.k : แบรนด์สำหรับหญิงสาวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเสื้อผ้าหวานๆทั่วไป แต่พร้อมที่จะเติมความเท่ไปยังเสื้อผ้า โดยการเพิ่มรายละเอียดในการตัดเย็บและเพิ่มเติมสีสันที่แตกต่างออกไป จึงเปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่ได้แสดงออกถึง ความคิดและ แรงบันดาลใจของตนเองลงไปในเสื้อผ้าอีกด้วย
สำหรับคอลเล็คชั่น Fall/Winter 2009 นี้ดีไซเนอร์ได้กำหนดแนวคิดในการออกแบบมา 2 รูปแบบ โดยแนวคิดแรกคือ “Glittery” ซึ่งเน้นความระยิบระยับและความแวววาวของวัสดุที่เป็นทั้งส่วนผสมหรือการตกแต่งของเสื้อผ้า อันได้รับ แรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตและการตกแต่งของพระราชวังต่างๆในยุโรป ทำให้ได้เสื้อผ้าที่มีการตัดเย็บแบบ 3 มิติ ประกอบกับรายละเอียดที่หรูหราและการผสมผสานกับการหยิบเอาเครื่องประดับต่าง ๆ มาช่วยเสริมความสวยงาม แนวคิดที่ 2 คือ “Romantic Ballet” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะของการเต้นบัลเลต์ ด้วยส่วนประกอบต่างๆของ เสื้อผ้าของนักเต้น เช่น การผสมผสานกันระหว่างผ้าชีฟอง การจับจีบของริบบิ้น รวมไปถึงลายพิมพ์ต่างๆที่สะท้อน ให้เห็นถึงเอกลักษณ์และความโดดเด่นของการเต้นบัลเลต์
K2 : เพราะ “ชีวิต คือ ความสนุก” K2 จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยสีสันที่มากกว่า และค่อนข้างอิงกับกระแสของ แฟชั่นโลกในลุคของสตรีท-แคชช่วลที่เพิ่มความน่าสนใสของเสื้อผ้า โดยการเพิ่มความความสนุกนานของลายพิมพ์ และการวางแบบผ้าที่น่าสนใจ ซึ่งนำไปสู่ความสนุกสนานของเสื้อผ้าวัยรุ่นที่สวมใส่สบายและมีสไตล์
โดยคอลเล็คชั่นของผู้หญิงซีซั่นล่าสุดนี้ดีไซเนอร์ได้แบ่งเอาแนวคิดในการออกแบบทั้งหมด 3 แบบ โดยแนวคิดแรก คือ “Dark Romance” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์คลาสสิคของฮอลลีวู้ดในยุค 80’s กับศิลปะแบบโกธิค สิ่งเหล่านี้ถูกนำเสนอออกมาเป็นสีสันที่เคร่งขรึมตัดกับอัญมณีและเครื่องประดับโลหะแวววาว ตกแต่งด้วยวัสดุที่ดู หรูหรา อย่างขนสัตว์ หนัง ลายลูกไม้ และ ผ้าชีฟอง ซึ่งสื่อถึงยุคโรแมนติก สำหรับแนวคิดที่ 2 “Folk Pleasure” ได้ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับ K2 ของฝ่ายชาย แนวคิดนี้เกิดจากประสบการณ์ในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ในยุโรปตะวันออกของผู้ออกแบบ โดยการนำเอารูปแบบของการแต่งกายแบบชาวพื้นเมืองบนฝั่งยุโรปตะวันออก เข้ามาผสมผสานกับไสตล์ของเสื้อผ้าร่วมสมัย ทำให้ได้เสื้อผ้าที่มีสีสัน มีลายพิมพ์และรูปแบบที่สนุกสนาน น่าสนใจ และแนวคิด สุดท้ายคือ “Breath of Fresh Air” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติอันสวยงาม
ส่วนคอคเล็คชั่นของผู้ชาย ได้แบ่งแนวคิดในการออกแบบเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน โดย แนวคิดแรก “New Ager Folklores” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผจญภัยไปในวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆดีไซน์และคอนเซ็ปท์นั้นคล้ายกับ “Folk Pleasure” ของผู้หญิง แนวคิดต่อมาคือ “Lad of Luxury” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความต้องการที่จะเติบโต เป็นผู้ใหญ่ของเด็กหนุ่ม ซึ่งเริ่มจะหยิบเอาเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาสวมใส่ให้ตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไว้คือ สีสันที่สนุก สนาน ความกระตือรือร้น และแนวคิดสุดท้ายคือ “Urban Rebels” ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นนิสต้า ผู้ต้องการจะฉีกขนบของการแต่งกาย ในฤดูหนาวด้วยเสื้อผ้าสีทึมๆและหม่นหมอง โดยการเติมสีสันที่สนุกสนาน และ น่ามองลงไปในเสื้อผ้าเพื่อให้หลุดออกมา จากความน่าเบื่อหน่ายเดิมๆ