Comp Card และ Portfolio คือ ใบเบิกทาง สำหรับโมเดล เพื่อให้ลูกค้า ได้เห็นผลงาน หรือ รูปร่างหน้าตาของโมเดล ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน และไม่ทราบว่า เมื่อแต่งหน้า จัดทรงผม หรือเปลี่ยนเสื้อผ้า จะออกมารูปแบบที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ Comp Card จึงเป็นตัวอย่างคร่าวๆ ที่ลูกค้าจะได้เห็นการเปลี่ยนลุคต่างๆ
เนื่องมาจาก การไปร่วม Casting แต่ละครั้งจะเห็นได้ว่า นางแบบนายแบบ มากกว่าครึ่ง ไม่มี Comp Card แม้ว่า ทางเจ้าหน้าที่จะทำการ วัดส่วนสูง วัดสัดส่วน จดชื่อ เบอร์โทร แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เท่ากับมี Comp Card หรือ นามบัตร เป็นการพลาดโอกาสอย่างแรง การทำงานกับคนหมู่มาก โอกาสที่เจ้าหน้าที่จะลืมหน้าลืมตาของตัวแบบมีมาก แม้ว่าจะถ่ายรูปพร้อม name tag ก็ยังมีพลาดกันบ่อยๆ Comp Card จึงมีความสำคัญ
สำคัญอย่างไร จำเป็นต้องมีไหม – ประสบการณ์ที่ได้เข้าร่วมการแคสติ้ง ถ้าเป็นนางแบบต่างชาติ เกือบทุกคนมี Comp Card และ แฟ้มงาน Comp Card ตามรูปด้านล่าง ส่วนแฟ้มงาน คือ แฟ้มที่ใส่ผลงาน Portfolio ต่างๆ ซึ่งหลายคนก็ใช้ iPad, iPhone, Tablet แล้วแต่วิธี เพราะบางคนก็ได้โชว์ภาพเคลื่อนไหว คลิป หรือ TVC จึงนำมาเสนองาน เสนอเยอะๆเพืออะไร ก็เพื่อให้ได้งาน ลองเปรียบเทียบระหว่าง เราที่มาแต่ตัว, อีกคน มาพร้อม Comp Card และสุดท้ายมาพร้อม comp card & iPad ใครจะนำเสนอได้มากกว่ากัน อันนี้ไม่ได้นับเพียงแค่การแคสติ้งเดินแบบ แต่ทั้งหมดในการเป็น Models
บางคนไม่ลงทุนพิมพ์ Comp Card ใช้เฉพาะ iPad เมื่อเจ้าของงานอยากได้นามบัตร หรือ comp card ก็ไม่มีให้ อาจทำให้เจ้าของงานค้นหา model หรือ reference อ้างอิงไม่ได้ อาจพลาดงาน
หลายคนๆ ชอบพูดถึง Portfolio สวยๆ แต่ผมมองที่ความเป็นไปได้ในการ “ขาย” ต้องเดาใจคนดูพอร์ตของเราว่า เขาอยากเห็นอะไร เช่น โครงหน้า, โครงร่าง, หุ่น, กล้ามเนื้อ, ท่วงท่าในชุดต่างๆ ภาพพอร์ตสวย ควารเป็นหนึ่งในนั้น แต่มิใช่ส่วนใหญ่ เพราะเจ้าของงานจะมองตัวตนของ model ไม่เจอ หรือเจอหน้าแล้วโยนทิ้ง
วันนี้ จึงจะมาบอกเล่า 2 เรื่อง คือ 1. การทำ Comp Card และ 2. การพิมพ์ และทำแฟ้ม
สำหรับ ชีวิตนายแบบนางแบบ สิ่งที่จำเป็นในการโฆษณาตัวเอง หรือนามบัตรของแบบ ก็คือ Comp Card ซึ่งจะแสดงภาพ Portfolio หลากหลายแบบ
1. Comp Card หรือชื่อเต็มคือ Composite Card ต้องดูภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ ขนาดของ Comp Card โดยประมาณ คือ 15×20 cm หรือ 6×8 inches หรือวัดง่ายๆ คือ กระดาษ A4 พับครึ่ง ขนาดไม่จำเป็นต้องเป๊ะขนาดนี้นะครับ บวกลบได้ ตามแต่จะทำกัน ตัวเลขนี้มาจาก Modeling Agency ส่วนใหญ่เขาทำกัน เราก็ตามๆเขา
จากนั้นมาดู Layout รูปแบบที่หลายคนนิยม คือ การแสดงหน้าตา ผิวพรรณ, รูปร่างสัดส่วน, การโพส การแสดงออก และแต่งหน้าในลักษณะเปลี่ยนลุค แบบที่ดี คือ มีหลายลุค หลาย character
บาง layout ก็จะแสดงหน้าข้างขวา และภาพเต็มตัวด้านซ้ายแนวตั้ง หรือภาพเล็ก 9ภาพ ขึ้นอยู่กับความชอบใจของแต่ละคน ซึ่งปัจจุบันก็สามารถทำกันเองได้ โดยใช้ Photoshop, Illustrator หรือโปรแกรมที่ถนัด แต่ทำใน Photoshop ตัวอักษรมักจะไม่คมชัด ถ้าส่งโรงพิมพ์ ทั้งหมดนี้ คือ การทำเอง ไม่มีใครทำให้นะครับ แม้โรงพิมพ์ก็ไม่จัดทำให้ และต้องทำใน Format ที่โรงพิมพ์กำหนดด้วย
2. การพิมพ์ และทำแฟ้ม – เมื่อได้ขนาด และจัดทำเสร็จเรียบร้อย มีทางเลือกในการพิมพ์ 3 แนวทางใหญ่
2.1 Develop จำนวนน้อย มีไว้หน่อย – คือส่งไปร้านล้างอัดรูป น้อยขนาดไหน ก็ประมาณ 10-50ใบ ราคาประมาณ 8 บาทต่อแผ่น
2.2 Digital Print – พวกร้านรับทำนามบัตรบางร้านจะมี พิมพ์จำนวน 50-200 ใบ ราคาประมาณ 6 บาทต่อแผ่นหรือมากกว่านั้น
2.3 Offset Print – พิมพ์แบบจริงจัง จากโรงพิมพ์ อันนี้ต้องมีจำนวนขั้นต่ำในการเริ่มต้น ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 1,000ใบ กระดาษ 350แกรม แผ่นละ 4บาท
ได้งานหนึ่งงาน ก็คืนต้นทุนแล้ว อย่าคิดเล็กๆน้อยจนเกินไป จะพลาดโอกาส
Folder or File แฟ้มงาน ก็คือ แฟ้มที่เป็นซองใสหลายๆแผ่น เหมือน อัลบั้มรูปภาพ หรือเล่มสำหรับใส่ใบประกาศต่างๆ มีขายตามแผนกเครื่องเขียน Stationary จากนั้นก็เลือกผลงาน หรือรูปที่คิดว่าสวย กี่รูปก็ได้ เท่าที่แฟ้มจะใส่ได้ นำไปล้างรูป หรือ พิมพ์จาก Printer ที่บ้าน เมื่อยืน comp card ก็ให้ดูภาพเพิ่มจากแฟ้ม ก็เป็นตัวช่วยที่ดีมาก ส่วนใหญ่เขาไม่ดึงออกไปหรอกนะ นอกจากว่าจำเป็นต้องเอาไปให้ผู้ใหญ่เลือกครั้งสุดท้าย (คุ้มไหม)