HAOMA ร้านอาหาร อินเดีย Fusion style ที่มีความปราณีต ในการทำอาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบ ที่เพาะปลูก และเลี้ยง ในพื้นที่ตนเอง ด้วยแนวคิด “การปลูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตใจกลางกรุงเทพฯ เป็นร้านอาหารอันเปี่ยมด้วยปรัชญาแห่งการสร้างสรรค์ราวสายธารแห่งไวน์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หล่อเลี้ยงโอเอซิสแห่งสรวงสวรรค์ใจกลางมหานครแห่งนี้”
Model : Prae
MUA : Sophia
Photo : Jade
Location : Haoma, India Fusion Food, Sukhumvit 31
Haoma คือชื่อของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตตามความเชื่อของวัฒนธรรมชาวโซโรแอสเตอร์และฮินดู ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงร่างกาย สร้างภูมิปัญญา พลัง และชีวิตอมตะ ทั้งยังสื่อความหมายถึง “Paradise (สรวงสวรรค์)” ในภาษาเปอร์เซียซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Walled-in garden (สวนในกำแพง)” ทำให้ร้านอาหารซึ่งเป็นดั่งโอเอซิสกลางมหานครแห่งนี้ดำเนินงานภายใต้แนวคิด “การลดใช้ทรัพยากร การนำกลับมาใช้ใหม่ การรีไซเคิล และการลิ้มรสชาติที่ยั่งยืน” ซึ่งเห็นได้จากการที่ร้านอาหารแห่งนี้ปลูกพืชผักหลายสิบชนิดเพื่อนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันเป็นเมนูอาหารที่สดใหม่และให้รสชาติของวัตถุดิบที่แท้จริง ภายใต้บรรยากาศที่แวดล้อมด้วยสวนไม้อันร่มรื่นด้วยปรัชญาแบบ “Farm-to-table Oasis” โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นร้านอาหารที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศเป็นแห่งแรกของโลกภายในปี ค.ศ. 2020
เมื่อได้ลองชิม รายการ กาลอตี คอร์เน็ต (Galauti Cornets) ที่ใช้ส่วนผสมของเห็ดป่า, เครื่องเทศนานาชนิด, ซีทรัสเจล, และเห็ดทรัฟเฟิลสด รวมถึงเมนูพรอน ออน เดอะ ร็อกส์ (Prawn on the Rocks) ซึ่งใช้กุ้งแม่น้ำปรุงรสกับถั่วลิสง, พริก, มะขาม, และสาหร่าย และเมนู ทิกกา มาซาลา (Tikka Masala) ซึ่งปรุงด้วยเนื้อไก่ต้มจากเตาถ่าน, ค็อตเทจชี้ส มากานีซอร์เบ็ต, และผักดองชนิดต่าง ๆ รับรู้ได้ถึงรสชาติที่เข้มข้นเครื่องปรุง แต่ไม่แรงเครื่องเทศ ซึ่งมีความเป็น International แต่ไม่กลางจนเสียรส ซึ่งอาหารแต่ละจาน สวยงาม และทำสดใหม่ทุกจาน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://haoma.dk/ หรือ https://www.facebook.com/HaomaBKK/
และติดต่อสอบถามหรือสำรองโต๊ะได้ที่ reservations@haoma.dk หรือ โทรศัพท์ 02 258 4744
ข้อมูล
“เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการอาหารระดับโลกที่มีความยั่งยืน” เชฟดีปังเคอร์ โคสลา หรือ เชฟดีเค (Chef Deepankar “DK” Khosla ) ผู้เป็นเจ้าของแนวคิดกล่าว “เราให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนเทียบเท่าการมอบความพึงพอใจแก่ลูกค้า เพราะเราไม่ใช่แค่ร้านอาหารทั่วไป แต่เรายังใส่ใจและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมด้วย”
สำหรับช่วงนี้ ฮาโอม่าได้รังสรรค์และนำเสนอรายการอาหารใหม่ ได้แก่ 13-course Nature menu (ราคาคอร์สละ 2,590 บาท) ซึ่งใช้วัตถุดิบชูรสอย่างเนื้อเมลอน, มะเขือเทศจากฟาร์มฮาโอม่า, หางนม, อินเดียนโบราจ, บลูเบอร์รี่, และคึ่นช่าย รวมถึงปลาที่เลี้ยงในร้านฮาโอม่าและปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะ, ซูปดาชิ, ผักใบเขียว, และแยมลูกเกดที่ฮาโอม่าผลิตเอง สำหรับรายการอาหารแบบ 9-course Nature menu (ราคาคอร์สละ 1,990 บาท)
ด้านแนวคิดการสร้างสรรค์ของร้าน เกิดจากเชฟดีปังเคอร์ ซึ่งชื่อของเขาแปลว่า “คนส่งเนื้อแกะ” ในระหว่างล่องเรือท่องเที่ยวในฮาลองเบย์ที่สวยงามของเวียดนามเมื่อไม่กี่ปีก่อน วันหนึ่งได้ตื่นขึ้นมาและพบกับความงดงามของธรรมชาติยามเช้า ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องกระทบพืชพรรณบนหมู่เกาะนั้นเอง เป็นชั่วชณะที่สัมผัสถึงมโนภาพแห่งการสร้างแรงบันดาลใจซึ่งเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะใช้ชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยเป็นชีวิตที่มีสติมากขึ้น และให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ แก่โลกใบนี้ที่รู้สึกเคารพบูชาขึ้นอย่างฉับพลัน โดยประสบการณ์ครั้งนั้นสามารถสร้างข้อคิดให้กับเชฟดีเคได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลลัพธ์ในครั้งนั้นได้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อร้าน ฮาโอม่าได้เปิดขึ้นในช่วงปลายปี ค.ศ. 2017 ซึ่งเป็นร้านอาหารที่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยมีบรรยากาศโอบล้อมด้วยสีเขียวของพืชผักซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยน้ำฝนจากธรรมชาติในถังขนาดใหญ่ 6 ถัง ที่ไหลผ่านระบบท่อส่งน้ำซึ่งทางร้านประดิษฐ์ขึ้นเอง พืชผักเพาะปลูกในดินออร์แกนิกหรือรางน้ำอะควาโพนิค ทำให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเสมือนโรงงานผลิตผักท่ามกลางป่าคอนกรีต
แขกผู้ที่มาเยือนจะได้เดินชมสวนผักอันน่าทึ่งภายในร้าน และได้สัมผัสกลิ่นใบไธม์ ออริกาโน เบซิล แตงกวา และหัวแรดิช ซึ่งเชฟดีเคกล่าวว่า “เราใช้หัวแรดิชสดๆที่จะให้รสชาติอันน่าประหลาดใจ คือให้รสฉุนที่สนุกสนานเฉพาะตัว สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงปรัชญาของร้านเราที่ให้ความสำคัญกับรสชาติที่โดดเด่นของพืชพรรณตามธรรมชาติ (indigenous microorganisms – IMOs) ซึ่งแตกต่างจากพืชตัดต่อทางพันธุกรรม (GMOs) ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติ ซึ่งด้วยการค้นคว้าวิจัยแบบธรรมชาติ 100% ในการผสมพันธุ์พืชเพื่อสร้างลูกผสมที่ดีกว่า ซึ่งต้องอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การใช้โปแตสเซียมที่ได้จากการเผาเปลือกกล้วยมาเป็นตัวบำรุงพืชหลายชนิด เราทำการทดลองอย่างต่อเนื่องเพื่อแสวงหาสิ่งที่ช่วยให้พืชเติบโตดีที่สุดภายใต้สภาวะเฉพาะแบบนี้”
นอกจากนี้เชฟดีเคยังเรียกฮาโอม่าว่าเป็นทั้งร้านอาหารละแวกบ้านและสถานที่พักกายใจสำหรับผู้แสวงหาความสงบ รวมทั้งยังเป็น “ระบบนิเวศที่สมบูรณ์” ในที่แห่งเดียว
สิ่งนี้เห็นได้จากการเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ในร้านอาหารแทบทุกส่วน และยังนำน้ำไปรีไซเคิลสำหรับใช้ซ้ำในระบบเก็บน้ำทั้งหมด “นี่คือครัวที่สร้างสรรค์อย่างมาก” โดยอาหารทุกเมนูใช้วัตถุดิบธรรมชาติ ปราศจากยากำจัดศัตรูพืช ไม่ผ่านการขนส่งและเก็บรักษาในเวลาสั้นที่สุด เพราะเน้นการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และมีแนวคิดการใช้พืชผักและผลไม้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังการเก็บเกี่ยว “เมนูอาหารของเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพราะผมไม่มีรูปแบบอาหารเฉพาะ เมนูของเราเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและใช้วัตถุดิบที่เป็นของภูมิภาคนี้” โดยทางร้านได้แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชอันมีค่าให้แก่บรรดาเกษตรกรนอกเขตกรุงเทพฯ เพื่อช่วยสร้างระบบให้เกษตรกรมีทางเลือกในการเพาะปลูก อาทิ อะโวคาโด หรือพืชผักต่าง ๆ ที่พวกเขาไม่เคยนึกถึงหรือไม่เคยเข้าถึงมาก่อน โครงการนำร่องได้เริ่มดำเนินการแล้วที่กรีน การ์เด้น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะต้องได้ผลดีอย่างแน่นอน
“เราต้องการดึงดูดให้นักชิมเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างของร้านอาหารบรรยากาศแบบฟาร์มในเมืองแห่งนี้ ซึ่งนี่จะเป็นประสบการณ์แห่งรสสัมผัสที่แท้จริง”เชฟดีเคกล่าวทิ้งท้าย