FashionShow : Finale
Program : The Designer
Venue : Mcot, Studio 1
Date/Time : 21 November 2010, 21.30

ประกาศผล แชมป์ “The Designer”
คลื่นลูกใหม่ที่ต้องจับตา ผู้ที่จะมาปลุกกระแสวงการแฟชั่นไทย

Click here to Google Photo Gallery

เรียกเสียงฮือฮา สำหรับปรากฏการณ์ครั้งใหม่ แห่งวงการแฟชั่นไทย กับ 12 ผู้เข้าแข่งขัน ของรายการ The Designer ฝันตามคิด ชีวิตมีดีไซน์ ซึ่งเป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาพัฒนาศักยภาพนักออกแบบหน้าใหม่ ให้ก้าวสู่อาชีพดีไซเนอร์ที่ใฝ่ฝัน ภายใต้โครงการ “Thailand Fashion Expo” กับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ นำโดย นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่ง ในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายนศกนี้ จะเป็นการประกาศผลผู้ชนะเลิศ The Designer กับโจทย์ “My Collection” ที่ลิขิตชะตาว่าใครที่เหมาะสมจะเป็น The Designer ตัวจริงณ สตูดิโอ 1 อสมท. ถ.พระราม 9

โดยทั้ง 5 ผู้แข่งขันที่เข้าสู่รอบสุดท้าย ได้แก่ เบียร์ – นายเฉลิม อินทลักษณ์, ยอด – นายศิรัส ตันติยาพงศ์, เกียรติ – นายเกียรติกร เจริญพานิช, แมนดี้ – นายชนะพล เล็กประเสริฐ และดุ๊กดิ๊ก – นายวรรณกร อุ่นวิเศษ จะต้องสร้างสรรค์คอลเลคชั่นที่บ่งบอกตัวตนของตัวเอง จำนวนคนละ 10 ชุด โดยมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งเป็นไอดอลในดวงใจของที่ผู้แข่งขันแต่ละคนเลือกมา เพื่อให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว ภายใต้งบประมาณ 30,000 บาท และให้เวลาการทำงานเพียง 200 ชั่วโมง ภายใต้โจทย์ที่ชื่อว่า “My Collection”

Mandy – นายชนะพล เล็กประเสริฐ

รายการ The Designer” ฝันตามคิด ชีวิตมีดีไซน์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ไทยแลนด์ แฟชั่น เอ็กซ์โป 2010” ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสรรหานักออกแบบรุ่นใหม่ไฟแรง คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ป้อนให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย รองรับการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย โดยได้จัดทำเป็นรายการโทรทัศน์ ในรูปแบบเรียลลิตี้ โชว์รูปแบบใหม่ แตกต่างจากเวทีเรียลลิตี้ โชว์ที่เคยมีมาในไทย โดยเชิญผู้มีชื่อเสียงและผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยมาเป็นกรรมการตัดสิน

เริ่มต้น ได้มีการเปิดรับสมัครและคัดเลือกตัวแทนจาก 4 ภาค จำนวนกว่า 300 คน และผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกเพียง 52 คน และท้ายสุดได้ทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 12 คนสุดท้าย ได้แก่ มิวสิค – นายพิทวัส จันทศร, เบียร์ – นายเฉลิม อินทลักษณ์, แบงค์ – นายสุธร เศรษฐมังกร, ยอด – นายศิรัส ตันติยาพงศ์, มะเหมี่ยว – น.ส.สุธิษณา เลิศสุขประเสริฐ, เกียรติ – นายเกียรติกร เจริญพานิช, สุ่ย – น.ส.อภิสรา สารคุณประดิษฐ์, อั๋น – นายวรวุฒิ วิศพันธุ์, แมนดี้ – นายชนะพล เล็กประเสริฐ, ดุ๊กดิ๊ก – นายวรรณกร อุ่นวิเศษ, น.ส. นภัสณพชร สนณ์ณกิตตน์กุล และวัช – นายวัชรดล อริยเมธกุล เพื่อเข้าสู่

การแข่งขัน The Designerผ่านทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ เริ่มออกอากาศสัปดาห์แรกในคืนวันอาทิตย์ 26 กันยายนที่ผ่านมา และกำหนดตัดสินสัปดาห์สุดท้ายในวันอาทิตย์ 21 พฤศจิกายนศกนี้

ตลอด 8 สัปดาห์ ผู้แข่งขันจะต้องทำเวิร์คช็อปร่วมกัน เพื่อพัฒนาทักษะการออกแบบ ตลอดจนสเก็ตช์แบบ สร้างแพทเทิร์น ตัดเย็บภายในเวลาจำกัด และนำเสนอผ่านนางแบบบนรันเวย์จริง ในวีคลี่ แฟชั่น โชว์ ต่อหน้าสาธารณชน สัปดาห์ละครั้ง ภายใต้ภารกิจโจทย์สุดท้าทายที่ทวีความยากขึ้นทุกสัปดาห์ โดยมีกรรมการหลักประจำ 3 ท่าน ได้แก่ ครูใหญ่ประจำบ้าน อารยา อินทรา สไตลิสต์ชื่อดังและผู้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลนักออกแบบทั้ง 12 คน ร่วมด้วยดีไซเนอร์ชั้นนำ พลพัฒน์ อัศวะประภา และศิริชัย ทหรานนท์ พร้อมด้วยดีไซเนอร์จาก แบรนด์ต่างๆ ตลอดจนกรรมการรับเชิญที่เชี่ยวชาญแต่ละด้านร่วมตัดสินคับคั่ง ซึ่งผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะถูกคัดออกสัปดาห์ละ 1 คน และจะเหลือเพียง 5 คน ที่จะเข้าสู่รอบตัดสินชิงชนะเลิศ

สำหรับโจทย์สัปดาห์สุดท้าย ในรอบตัดเชือกเพื่อค้นหาสุดยอด “The Designer” ได้แก่“My Collection” ทั้ง 5 ผู้แข่งขันสุดท้าย จะต้องสร้างสรรค์คอลเลคชั่นที่เป็นตัวตนของตัวเอง โดยมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งเป็นไอดอลในดวงใจของที่ผู้แข่งขันแต่ละคนเลือกมา เพื่อให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว ได้แก่ เบียร์ – นายเฉลิม อินทลักษณ์ กับ จิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล จากแบรนด์ Headquarter, ยอด – นายศิรัส ตันติยาพงศ์ กับ ชัย เจียมอมรรัตน์ จากแบรนด์ Headquarter, เกียรติ – นายเกียรติกร เจริญพานิช กับ ชัยชน สวันตรัจฉ์ จากแบรนด์ Good Mixer, แมนดี้ – นายชนะพล เล็กประเสริฐ กับ มิลิน ยุวจรัสกุล ดีไซเนอร์ จากแบรนด์ Milin และดุ๊กดิ๊ก – นายวรรณกร อุ่นวิเศษ กับ ดิษยา สรไกรกิติกุล จากแบรนด์ Disaya ซึ่งนักออกแบบจะต้องออกแบบเสื้อผ้าเป็นคอลเลคชั่นที่สะท้อนตัวตนของตัวเองมากที่สุด จำนวนคนละ 10 ชุด กับนางแบบ 10 คน และต้องตัดเย็บเสื้อผ้าที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ภายใต้งบประมาณ 30,000 บาท และให้เวลาการทำงานเพียง 200 ชั่วโมง ที่สำคัญคือต้องออกแบบตัดเย็บชุดเองทั้งหมด โดยสามารถเข้ามาทำงานได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 19.00 น. และห้ามนำชุดกลับไปตัดเองที่บ้าน

ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยเกียรติยศพร้อมเงินรางวัล 200,000 บาท, รองชนะเลิศอันดับ 1และ 2 ได้รับเงินรางวัล 150,000 และ 50,000 บาท ตามลำดับ นอกจากนี้ ทั้ง 3 คนที่ได้รับรางวัลจะได้เข้าร่วมปฏิบัติงานจริงกับทีม ดีไซเนอร์ของบริษัทในเครือ Jaspal Group เป็นระยะเวลา 1 ซีซั่น (6 เดือน)

รายชื่อกรรมการรอบชิงชนะเลิศ

รายการ The Designer” ฝันตามคิด ชีวิตมีดีไซน์

1.ศิริชัย ทหรานนท์ เจ้าของแบรนด์ “Theatre”

2.พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ “ASAVA”

3.กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการนิตยสาร ELLE (ประเทศไทย)

4.เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล ดารางนางแบบชื่อดังของไทย

5.ชนิตา ปรีชาวิทยากุล เจ้าของแบรนด์ “Senada”

6.จิตสิงห์ สมบุญ ดีไซเนอร์ เจ้าของแบรนด์ Playhound by Greyhound

7.อารยา อินทรา สไตลิสต์ชื่อดังและผู้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลนักออกแบบทั้ง 5 คน

เกียรติ – นายเกียรติกร เจริญพานิช อายุ 28 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการบริหารธุรกิจ การท่องเที่ยวและการโรงแรม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่สถาบันราฟเฟิลส์ ดีไซน์ สาขาแฟชั่นดีไซน์ ปีที่ 2 “คอลเลคชั่น ”Women and Armor” ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการมองเสื้อผ้าอาภรณ์ของผู้หญิงว่าเปรียบเสมือนเกราะ ซึ่งอาวุธที่แท้จริงคือความมั่นใจ โดยเน้นรูปร่าง อก เอว สะโพก โชว์ความเซ็กซี่ซึ่งเป็นแบบที่เราชอบ ทำให้ดูเรียบแต่ชวนมอง เพิ่มแอคเซสซอรี่ส์เข้าไปก็จะเป็นคอมพลีตลุคดูครบ เทคนิคอยู่ที่การเลือกใช้ผ้าพิมพ์ลาย ตกแต่งด้วยโซ่ หมุด ใช้สีโทนเข้ม ดำ เงิน เป็นต้น”

โจทย์ 8 สัปดาห์ ของรายการ

The Designer” ฝันตามคิด ชีวิตมีดีไซน์

สัปดาห์ที่ 1 โจทย์ “รีไซเคิล” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553

ทั้ง 12 ผู้แข่งขัน ต้องประชันไอเดียออกแบบชุดที่ตัดเย็บจากวัสดุที่ถูกที่สุดให้ดูแพงที่สุด ภายในเวลากำหนดเพียง 24 ชั่วโมง และสามารถสวมใส่ได้จริงอย่างสวยงามบนรูปร่างของนางแบบชั้นนำของไทย อาทิ บี – น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, เข็ม – รุจิรา ช่วยเกื้อ, โย- ยศวดี หัสดีวิจิตร, สา – มาริสา แอนนิต้า เป็นต้น โดยมี กงพัฒน์ ศักดาพิทักษ์ ให้ความรู้และเป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 2 โจทย์ “ไทย คอตตอน ทู รันเวย์” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553

ทั้ง 11 ผู้แข่งขัน ต้องนำผ้าไทยเพียง 8 หลามาออกแบบและตัดเย็บในคอลเลคชั่นออธั่มวินเทอร์ เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์แห่งผืนผ้าไทยว่ามีศักยภาพที่สามารถก้าวไกลในระดับนานาชาติ ภายในเวลากำหนดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมี เมตตา ตันติสัจธรรม เจ้าของแบรนด์ “METTA” ให้ความรู้และเป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 3 โจทย์ “เมค โอเว่อร์” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553

ทั้ง 10 ผู้แข่งขัน ต้องออกแบบตัดเย็บชุดออกงานให้กับผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ใช่นางแบบ ซึ่งแตกต่างกันทั้งรูปร่าง บุคลิกภาพ และวัยวุฒิ ให้พวกเธอเหล่านั้นสวมใส่แล้วพอใจ มั่นใจ และดูดีที่สุด เพราะครั้งนี้พวกเธอมีสิทธิ์ให้คะแนน ภายใต้งบ 1,000 บาท ในเวลากำหนดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมี อดิศักดิ์ โรจน์ศิริพันธ์ เจ้าของแบรนด์ “Zenithorial” ให้ความรู้และเป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 4 “โจทย์ Diva ชุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษ” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2553

ทั้ง 9 ผู้แข่งขัน ต้องตัดชุดแต่งงานในฝัน สำหรับ Diva คนพิเศษ นั่นคือ มาช่า วัฒนพานิช ให้สวยที่สุด ดูดีที่สุด โดยไม่มีคอลเลคชั่น แต่มีโอกาสค้นหาสไตล์และตัวตนของมาช่าผ่านบทเพลงของเธอ กำหนดผ้าที่ให้ใช้จำนวน 7 หลา ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง โดยมี เอกภูมิ งานฉมัง เจ้าของห้องเสื้อ “SUR FACE” ให้ความรู้ และมี มาช่า วัฒนพานิช เป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 5 โจทย์ “อันเดอร์แวร์ โก เอ้าเทอร์แวร์” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553

ทั้ง 8 ผู้แข่งขันต้องออกแบบชุดชั้นนอกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดชั้นใน และสามารถออกแบบตัดเย็บให้สามารถนำมาสวมใส่ในโอกาสต่างๆ ได้อย่างลงตัวที่สุด ภายในเวลากำหนดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมี ดิษยา สรไกรกิติกุล ให้ความรู้ และมี เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล ดารางนางแบบชื่อดัง และอลิน สุวรรณตระกูล ดีไซเนอร์แห่ง BSC เป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 6 “โจทย์ฟังชั่นนอล เท็กซ์ไทล์” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553

ทั้ง 7 ผู้แข่งขัน ต้องปะทะฝีมือในการนำนวัตกรรมผ้าสมัยใหม่ ได้แก่ ผ้ากันน้ำ และ ผ้าหน่วงไฟ มาทำแฟชั่นสมัยใหม่เพื่อสุภาพบุรุษ แน่นอนว่าผ้าเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ยากต่อการตัดเย็บ และแข็งกระด้าง เพราะนิยมใช้

ในวงการเฟอร์นิเจอร์ แต่ผู้แข่งขันทุกคนจะต้องออกแบบดีไซน์ให้เป็นเสื้อผ้าสำหรับคุณผู้ชายที่เสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีในทุกโอกาสโดยมี กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการนิตรสาร ELLE (ประเทศไทย) ให้ความรู้และเป็นกรรมการรับเชิญ

สัปดาห์ที่ 7 “โจทย์นางสาวไทย 2553” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553

ทั้ง 6 ผู้แข่งขัน ต้องจัดการกับภารกิจระดับชาติที่ได้รับมอบหมายนี้กับการออกแบบ 3 ชุดราตรียาวที่ 3 ผู้เข้ารอบสุดท้ายของการประกวดนางสาวไทยปี 2553 ต้องสวมใส่ โดยใช้ผ้าไหมพิมพ์ลายพิเศษ “กุหลาบเวียงพิงค์” ซึ่งกำหนดเวลาตัดเย็บทั้งสิ้น 1 วัน 1 คืน หรือ 36 ชั่วโมง พร้อมมีเพื่อนๆ ที่ตกรอบไปก่อนหน้านี้ทั้ง 6 มาจับคู่ช่วยทำ โดยมี พิจิตรา บุณยรัตพันธ์ ให้ความรู้ พร้อมได้ อรวิภา กนกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทย 2552 ให้ความคิดเห็นและข้อแนะนำ โดยทั้ง 2 ท่านยังให้เกียรติเป็นกรรมการรับเชิญด้วย

สัปดาห์ที่ 8 “My Collection” ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2553

5 ผู้แข่งขันสุดท้าย จะต้องสร้างสรรค์คอลเลคชั่นที่เป็นตัวตนของตัวเอง โดยมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของเมืองไทย ซึ่งเป็นไอดอลในดวงใจของที่ผู้แข่งขันแต่ละคนเลือกมา เพื่อให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว ซึ่งนักออกแบบจะต้องออกแบบเสื้อผ้าเป็นคอลเลคชั่นที่สะท้อนตัวตนของตัวเองมากที่สุด จำนวนคนละ 10 ชุด กับนางแบบ 10 คน และต้องตัดเย็บเสื้อผ้าที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ ภายใต้งบประมาณ 30,000 บาท และให้เวลาการทำงานเพียง 200 ชั่วโมง ที่สำคัญคือต้องออกแบบตัดเย็บชุดเองทั้งหมด โดยสามารถเข้ามาทำงานได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 – 19.00 น. และห้ามนำชุดกลับไปตัดเองที่บ้าน

Published by Jade-ThaiCatWalk

Editor - ThaiCatwalk.Com and Runway Photographer PR, Brand Acknowledgement, Advertorial