>FashionShow : Vogue Who’ on Next, The Vogue Fashion Fund
Brand : Vogue
Venue : Siam Center
Date/Time : 26 September 2014, 20.00
Vogue Who’ on Next, The Vogue Fashion Fund
Photo by Banhan
VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund เผยโฉม 10 ผู้เข้ารอบสุดท้าย โชว์ฟอร์มพลังสร้างสรรค์ผ่านแฟชั่นโชว์ผลงานคอลเลคชั่น เต็มรูปแบบครั้งแรก!!!
นิตยสาร โว้ก ประเทศไทย (VOGUE THAILAND) นิตยสารที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนิตยสารแฟชั่นทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งของโลก ผู้จัด VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund โครงการค้นหาดีไซเนอร์ไทยผู้มีพรสวรรค์ทั้งทางด้านดีไซน์และด้านธุรกิจ เผยโฉม 10 ผู้เข้ารอบสุดท้าย พร้อมอวดโฉมผลงานการออกแบบของผู้เข้าประกวดเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก!!! ผ่านแฟชั่นโชว์และโชว์เคส ที่จัดขึ้นบริเวณ ลานจอดรถ ชั้น 9A สยามเซ็นเตอร์
คุณกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโว้ก ประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากเริ่มขั้นตอนการเฟ้นหาดีไซเนอร์มาตลอด 1 ปี ในที่สุดโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund ก็ได้ดาเนินการเข้ามาสู่รอบ 10 คนสุดท้าย ในงานนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เหล่าผู้เข้ารอบจะได้จัดแสดงผลงานการออกแบบของพวกเขาเอง โดยตลอดโครงการผู้เข้ารอบต่างได้รับคาแนะนาอย่างเข้มข้นจากที่ปรึกษาและคณะกรรมการของโครงการฯ อีกทั้งต้องฝึกฝนทักษะต่างๆ จากการเวิร์คช็อปและโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย ผ่านรูปแบบรายการแฟชั่นเรียลลิตี้ที่ใช้ชื่อเดียวกับโครงการว่า VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund ซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 Digital SD ซึ่งจะประกาศผลผู้ชนะโครงการในตอนสุดท้ายวันที่ 6 ตุลาคมนี้
ทั้งนี้ภายในงานทุกท่านจะได้ยลโฉมแฟชั่นโชว์ผลงานคอลเลคชั่นของผู้เข้ารอบสุดท้ายของโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund ได้แก่ แบรนด์เครื่องแต่งกายอย่าง Poem, The Only Son, Tawn C, Six P.M., Lalalove London, Vela De, Curated อีกทั้งยังมีการจัดแสดงโชว์เคสสาหรับแบรนด์เครื่องประดับของผู้เข้ารอบสุดท้ายของโครงการ ได้แก่ แบรนด์ Nasha Mekraksavanich, Ravipa Jewelry, Flow โดยได้รับเกียรติที่ปรึกษาและคณะกรรมการของโครงการมาร่วมชมผลงาน อาทิ คุณภาณุ อิงคะวัต, คุณจิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล, คุณศุภจักร ไตรรัตโนภาส, คุณฮัสซัน บาซาร์, คุณวรัตดา ภัทโรดม, คุณโสภาวดี เพชรชาติ, คุณจิตร ชิโนรักษ์ ร่วมด้วยเหล่าเซเลบริตี้ ศิลปิน ดารา และคนในวงการแฟชั่น คับคั่ง อาทิ “มิว” คุณนิษฐา จิรยั่งยืน, “แต้ว” คุณณฐพร เตมีรักษ์, “แพรี่พาย” คุณอมตา จิตตะเสนีย์, “จูน” คุณสาวิตรี โรจนพฤกษ์, “จุ๋ย” คุณวรัทยา นิลคูหา, คุณวรวิทย์ ศิริพากย์, คุณอชิรญา-คุณสุรเชษฐ วรวงศ์วสุ และอีกมากมาย
สาหรับประวัติความเป็นมาของดีไซเนอร์ผู้เข้ารอบสุดท้ายทั้ง 10 ของโครงการ แต่ละท่านล้วนคลุกคลีและมีประสบการณ์อยู่ในวงการแฟชั่นมาแล้ว และพร้อมที่จะเผยตัวตนของพวกเขาครั้งแรก…ที่นี่
คุณเอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Curated (คูเรเตด) นอกจากจะโดดเด่นในการสร้างสรรค์จิวเวลรี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศและในหลากหลายประเทศแล้ว ยังมีแบรนด์เสื้อผ้าที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานศิลปะร่วมสมัยภายใต้ชื่อ “คูเรเตด” เสื้อผ้าแต่ละชิ้นล้วนทาขึ้นด้วยเทคนิคเฉพาะตัว รูปแบบที่แปลกตา และลายกราฟฟิกที่มีเรื่องราวจากแรงบันดาลใจของดีไซเนอร์
คุณลินดา เจริญลาภ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Lalalove London ดีไซเนอร์ที่ผันตัวเองมาจากการเป็น สไตลิสต์ เส้นทางของดีไซเนอร์นั้นเริ่มมาจากการสกรีนเสื้อยืดขายที่ประเทศอังกฤษ และได้รับผลตอบรับอย่างดี จนในที่สุดได้ตัดสินใจทาเสื้อผ้าอย่างจริงจังเสื้อผ้าของ Lalalove London มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ด้วยการนาเอาลายพริ้นท์มาเล่นบนเสื้อผ้า ที่สะท้อนออกมาถึงความแปลกใหม่และความเป็นตัวของตัวเอง
คุณระวิภา-คุณธนิสา วีระศักดิ์ศรี ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Ravipa Jewelry แบรนด์จิวเวลรี่น้องใหม่ที่ทาร่วมกันระหว่างสองพี่น้อง ถือว่าเป็นดีไซเนอร์ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาเหล่าดีไซเนอร์ผู้เข้ารอบสุดท้ายของโครงการ จิวเวลรี่แต่ละชิ้นนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากความรักและมีความหมายในตัวเองที่สามารถสื่อให้ทุกคนเข้าใจ จิวเวลรี่ของ Ravipa Jewelry เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อวัยรุ่น ด้วยความสามารถในการทาธุรกิจผ่าน Social Media ต่างๆ และการใช้เซเลบริตี้ในการประชาสัมพันธ์แบรนด์ จึงทาให้คณะกรรมการสนใจและอยากรู้จักแบรนด์นี้มากขึ้น
คุณวิไลพรรณ ชูพันธ์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง FLOW จากความสนใจและรักในงานฝีมือ ทาให้จิวเวลรี่ของ Flow นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ได้ออกแบบตามกระแสทั่วไป แต่เป็นชิ้นงานที่เป็น Timeless Designสามารถสวมใส่ได้เรื่อยๆ จิวเวลรี่ถูกทาขึ้นด้วยเทคนิคพิเศษไม่ว่าจะเป็นการถักหรือการพับม้วนที่สร้างชิ้นงานให้มีรูปทรงและเป็นสามมิติในตัวเอง
คุณพันเลิศ ชุ่มศรี ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Vela de (เวลาดี) เริ่มต้นจากความต้องการของดีไซเนอร์และพาร์ทเนอร์ที่ตั้งใจอยากให้ผู้หญิงสนุกสนานกับการแต่งตัว Vela de จึงเลือกที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่หลากหลายโดยไม่เจาะจงโอกาสในการใช้งาน แต่จะเป็นเสื้อผ้าที่ผู้หญิงจับออกมาในช่วงเวลาดีๆ เสื้อผ้าแต่ละชิ้นของ Vela de มีคาแรกเตอร์สนุกสนาน ชัดเจนในตัวเอง แสดงออกถึงความเป็นอิสระ แต่คงความคลาสสิคด้วยโทนสี ในขณะเดียวกัน Vela de ไม่เพียงแต่ทาเสื้อผ้าตามเทรนด์ที่เปลี่ยนไปตามเวลาเท่านั้น แต่จุดเด่นของเสื้อผ้านั้นอยู่ที่การนาเอาหัตถศิลป์และความชานาญในการตัดเย็บมาใช้ในการผลิต เพื่อให้เสื้อผ้าทุกชิ้นของ Vela de ออกมาพร้อมกับคุณภาพ
คุณชวนล ไคสิริ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Poem จากดีไซเนอร์ที่เติบโตมาในร้านตัดเสื้อของคุณแม่ ชวนล ไคศิริ ดีไซเนอร์แห่ง Poem ได้ดัดแปลงประเพณีการตัดผ้าแบบเดิมๆ ให้มาอยู่ในรูปแบบเสื้อผ้า ready-to-wear เสื้อผ้าของ Poem จึงมีจุดเด่นที่คัตติ้งที่เนี๊ยบ และการตัดเย็บที่สามารถทาให้รูปร่างของผู้หญิงดูสวยงามยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งชิ้นซิกเนเจอร์ของ Poem ก็คือ เดรสหรือกระโปรงที่มาพร้อมกับคอร์เซ็ต ซึ่งถือว่าหายากที่แบรนด์อื่นๆ จะทา และเพราะว่าดีไซเนอร์หลงใหลภาพของผู้หญิงที่สง่างามในยุค 50 ดีไซเนอร์จึงอยากทาชุดที่ทาให้ผู้หญิงสวมใสชุดของ Poem ดูสง่างามและมีเสน่ห์
คุณธรณ ชัชวาลวงศ์ ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Tawn C. เกิดจากการสรรสร้างจากความคิดเห็นของ ดีไซเนอร์ที่ว่าปัจจุบันเสื้อผ้าแบบเมนสทรีมนั้นมีอยู่มาก ดีไซเนอร์จึงอยากออกแบบให้เสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร เพราะอยากให้ผู้หญิงได้เผยอีกด้านของตัวเอง โดยยึดคอนเซ็ปท์ “Timeless Elegance” ด้วยความละเอียดของดีไซเนอร์ ทุกชุดของ Tawn C. ทาด้วยความตั้งใจตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบของชุดและการตัดเย็บที่ประณีต
คุณชาญชัย สุวรรณฉายา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Six P.M. (Six Post Meridien) เริ่มจากดีไซเนอร์ที่เติบโตมาในโรงงานทอผ้าของครอบครัว ชาญชัยจึงให้ความสาคัญกับเทคนิคและเครื่องจักรที่นามาตัดเย็บเสื้อผ้า แบรนด์ Six P.M. นาเสนอเสื้อผ้าผู้ชายที่แตกต่างและมีลวดลายแปลกตาที่ดีไซเนอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากผู้คนเมืองที่มีความเคร่งเครียดและอยากอยู่ห่างจากความคิดที่ล้าสมัย การที่มีความคิดต่างจึงสะท้อนลงบนเสื้อผ้าที่ดูซับซ้อนของ Six P.M.
คุณเอกบุตร อุดมผล ดีไซเนอร์ The Only Son เป็นดีไซเนอร์ที่ผ่านการทางานให้กับแบรนด์ต่างๆที่ต่างประเทศ จนในที่สุดในกลับมาสร้างแบรนด์ตัวเองที่ประเทศไทย เสื้อผ้าแบรนด์ The Only son มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเน้นความมินิมัล และคอนเทมโพรารี่ เสื้อผ้าที่ดีไซน์เรียบแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่างๆ ทั้งที่มองเห็นได้ชัดและส่วนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่บนชิ้นเสื้อผ้า ความตั้งใจของดีไซเนอร์คือ อยากท้าทายให้ผู้ที่สวมใส่ The Only Son นั้น นาเอาเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ มามิกซ์แอนด์แมทช์ เพื่อให้เกิดเรื่องราวในการแต่งตัว
คุณณัชชา เมฆรักษาวนิช ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Nasha Mekraksavanich แบรนด์กระเป๋าหนังที่เกิดขึ้นจากความชอบส่วนตัวของดีไซเนอร์ที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว งานศิลปะ และสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นกระเป๋าที่มีรูปทรงเรขาคณิต เป็นรูปลักษณ์ที่แปลกตา นับว่าเป็นกระเป๋าของผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์สื่อถึงความทะมัดทะแมง ความมั่นใจ และน่าค้นหา นอกเหนือไปจากดีไซน์ที่โดดเด่นแล้ว ดีไซเนอร์ยังดูแลการผลิตทุกขั้นตอนด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกวัสดุ และการการตัดเย็บ กระเป๋าทุกใบจึงการันตีคุณภาพ
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 จะร่วมรายการตั้งแต่ต้นจนจบ โดยคณะกรรมการจะเป็นผู้ตัดสินผู้ชนะเลิศที่จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท และรองผู้ชนะอีก 2 รางวัล ที่จะได้รับเงินรางวัลๆ ละ 1 แสนบาท โดยผู้ชนะทั้ง 3 จะได้รับโอกาสในการจาหน่ายสินค้าในสยามเซ็นเตอร์ หรือสยามพารากอน รวมทั้งสิทธิ์ในการได้รับคาปรึกษาด้านธุรกิจแฟชั่นจากผู้เชี่ยวชาญตลอดระยะเวลา 1 ปี เต็ม
สุดท้าย…ใครจะเป็นผู้โดดเด่นจนได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการผู้คร่าหวอดให้เป็น The Winner ของโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund นี่คือเหตุผลที่ ‘คุณ’ ต้องมาร่วมสังเกตการณ์ และติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งหมดนี้ ผ่านรายการแฟชั่นเรียลลิตี้ VOGUE Who’s on Next ออกอากาศครั้งแรกในเมืองไทย ทางช่อง 3 Digital SD เวลา 22.00 น. ความยาว 60