นิตยสารโว้ก ประเทศไทย (VOGUE THAILAND) นิตยสารที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนิตยสารแฟชั่นทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งของโลก ผู้จัดกิจกรรม “โว้ก ฮูส์ ออน เน็กซ์, เดอะ โว้ก แฟชั่น ฟันด์ 2018” ( VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โครงการเฟ้นหาดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ที่มีผลงานการออกแบบและการวางแผนธุรกิจอันโดดเด่น โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท และได้รับสิทธิ์ในการได้รับคำปรึกษาด้านธุรกิจแฟชั่นจากผู้เชี่ยวชาญตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม
จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 แบรนด์ และถูกคัดกรองจากผลงานด้านดีไซน์และแผนธุรกิจที่น่าสนใจจนได้ ผู้เข้ารอบ 10 แบรนด์สุดท้าย ได้แก่ Salisa (สริสา), Valentier (วาเลนเทียร์), Pattricia A. Garde (แพททริเซีย เอ. การ์ด) ,Clothiers Ekamai (โคลเทียร์ส เอกมัย), Grounder (กราวด์เดอร์), Renim Project (รีนิม โปรเจคต์), SSAP (เอส เอส เอ พี) , Jee’s Jewelry (จีส์ จิวเวลรี) , Repleat (รีพลีต) และ 2553 จนมาถึงรอบสุดท้ายที่เหล่า
ดีไซเนอร์เลือดใหม่ พร้อมแล้วที่จะอวดโฉมผลงานการออกแบบ อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกผ่านแฟชั่นโชว์ และ โชว์เคส พร้อมการประกาศผลผู้ชนะเลิศโครงการ Vogue Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018
Click here to Google Photo Gallery
ประกาศผลอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับโครงการเฟ้นหาดีไซเนอร์ไทยรุ่นใหม่ที่มีผลงานการออกแบบและแผนการตลาดที่โดดเด่น “VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018” (โว้ก ฮูส์ ออนเน็กซ์, เดอะโว้ก แฟชั่น ฟันด์ 2018) โดย โว้ก ประเทศไทย (VOGUE THAILAND) นิตยสารที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนิตยสารแฟชั่นทรงอิทธิพลที่สุดเล่มหนึ่งของโลก สร้างสรรค์ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยแบรนด์ที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปครองได้แก่ Repleat (รีพลีต) เจ้าของแบรนด์คือ ณิชารีย์ ประสิทธิ์รัตนพร ส่วนรองชนะเลิศได้แก่ SSAP (เอส เอส เอ พี) เจ้าของแบรนด์คือ วราลี แสงโสมทรัพย์ และ Renim Project (รีนิม โปรเจคต์) เจ้าของแบรนด์คือ ทรงวุฒิ ทองทั่ว พร้อมกันนี้ยังเผยโฉม 10 ผู้เข้ารอบสุดท้ายผ่านแฟชั่นโชว์เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม ศูนย์การค้าสยามพารากอน
คุณกุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการบริหาร นิตยสารโว้ก ประเทศไทย กล่าวว่า “หลังจากประสบความสำเร็จกับโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund อย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละปีเราได้ผลิตดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และเป็นนักธุรกิจแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบมาแล้วกว่า 40 แบรนด์ โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนประตูที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็วและมั่นคง และสำหรับซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 5 จึงเป็นการสานต่อที่จะเฟ้นหาแบรนด์ไทยที่โดดเด่น และพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจได้ด้วย เพราะดีไซเนอร์รุ่นใหม่บางครั้งมักมองข้ามเรื่องของธุรกิจ โครงการนี้จึงเป็นการเติมเต็มและสร้างความเข้าใจในองค์ประกอบอื่นที่นอกเหนือจากการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นการทำมาร์เก็ตติ้งการเงิน แบรนด์ดิ้งรวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ทุกอย่างจะผ่านขั้นตอนการทำเวิร์คช็อปที่โครงการนี้มอบให้ โดยปีนี้เราได้รับเกียรติจากคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง อาทิ คุณวรัตดา ภัทโรดม, คุณโสภาวดี เพชรชาติ คุณฮัสซัน บาซาร์, คุณมลลิกา เรืองกฤตยา, คุณวรวิทย์ ศิริพากย์, คุณศุภจักร ไตรรัตโนภาส และ คุณชนน โอภาพงพันธ์ เป็นต้น รวมถึงได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, Thailand Creative & Design Center (TCDC) และ NARS
จากผู้เข้าแข่งขันกว่า 100 คนถูกคัดกรองจนเหลือผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ในงานนี้จึงถือเป็นครั้งแรก ที่ดีไซเนอร์ผู้เข้ารอบจะได้นำเสนอผลงานการออกแบบของพวกเขาเอง โดยตลอดโครงการผู้เข้ารอบต่างได้รับคำแนะนำอย่างเข้มข้นจากที่ปรึกษาและคณะกรรมการของโครงการฯ อีกทั้งต้องฝึกฝนทักษะต่างๆ จากการเวิร์คช็อปและโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย ผ่านรูปแบบรายการแฟชั่นเรียลลิตี้ที่ใช้ชื่อเดียวกับโครงการว่า VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund ซึ่งออกอากาศทาง Line TV
ด้าน ณิชารีย์ ประสิทธิ์รัตนพร เจ้าของแบรนด์ Repleat เผยถึงความโดดเด่นของผลงานจนชนะใจกรรมการว่า “จริงๆ รีพลีตเป็นแบรนด์กระเป๋าผ้าร่ม แต่เราอยากทำให้คอลเลคชั่นนี้ให้เด่นชัดชึ้นมา ด้วยเรื่องของสปอร์ตแวร์ ทั้งเสื้อผ้า กระโปรง และฮูด โดยใช้ Indentity หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ คือพลีต เข้ามาปรับใช้ ซึ่งยังคงเป็นรีพลีตที่โตขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่ง เราขยายจากกระเป๋า มาเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แล้วให้ลูกค้าย้อนไป สู่ยุคเรโทร เลือกเพลงให้เข้ากับบรรยากาศ และใช้สีที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้รันเวย์ครั้งนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
ทำให้คณะกรรมการรู้สึกเซอร์ไพร์ส”
นอกเหนือจากรางวัลแล้ว สิ่งสำคัญที่เธอได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ VOGUE Who’s on Next, The Vogue Fashion Fund 2018 คือ การได้รับความรู้ต่างๆ จากคณะกรรมการ ซึ่งทุกท่านเปรียบเสมือนอาจารย์ที่ให้คำแนะนำ สั่งสอนให้เติบโตขึ้น “เหมือนตอนแรกเราไม่รู้จะทำโปรดักส์อะไรต่อ แต่พอได้รับคำแนะนำ ก็ทำให้เรารู้ว่า เราจะขยายไปในทางไหน ทำให้เราได้ทำอะไรได้อีกเยอะแยะ และความสำเร็จในครั้งนี้จะทำให้เราได้ดำเนินตาม Business Plan ที่วางไว้ ตลอดจนทำให้ลูกค้ารู้จักเรามากขึ้น” เจ้าของแบรนด์ Repleat กล่าว
ส่วนรองชนะเลิศ ได้แก่ Renim Project (รีนิม โปรเจคต์) โดย ทรงวุฒิ ทองทั่ว แบรนด์ยีนส์ ดีไซน์ จากการนำผ้ายีนส์เก่าผสมกับผ้ายีนส์ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าและเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ แล้วนำมาออกแบบโดยการใช้เทคนิค DECONSTRUCTION ผสมผสานให้เกิดผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ออกมาให้ดูมีความเป็น MODERN เหมาะกับกลุ่มคนแฟชั่นรุ่นใหม่โดยมีปรัชญาในการออกแบบว่า “REMADE / REDUCE / REDESIGN” เพื่อลดสาเหตุ และผลกระทบต่างๆ ของลัทธิทุนนิยมที่มีผลกระทบต่อโลกของเรา
และแบรนด์ SSAP (เอส เอส เอ พี) โดย วราลี แสงโสมทรัพย์ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าผู้ชายแบบลำลองให้น่าสนใจและใส่ได้นานไม่ตกยุคสมัย สำหรับผู้ชายที่ชอลงานดีไซน์แต่ไม่ตามแฟชั่นมาก โดยการเพิ่มรายละเอียด ลูกเล่นสนุกๆ เท่ๆ เข้าไปโดยอาศัยแรงบันดาลใจหลักจากความหลากหลายของเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค